Location | YELO House Date | 28 Feb - 8 April 2018 Open | 11 AM - 8 PM Closed every Tuesday
ปลาวาฬที่เหงาที่สุดในโลก
และนี่คือเรื่องราวของวาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ไม่ใช่ว่ามันถูกจับมาเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์ หรืออควาเรียมอย่างโดดเดี่ยวนะ แต่มันอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล โดยไม่มีเพื่อนร่วมฝูง หรือคู่รักเลยแม้แต่ตัวเดียว…
ในปี 1989 ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ สถาบันสมุทรศาสตร์วูดสโฮล (Woods Hole Oceanographic Institution หรือ WHOI) ได้ทำการค้นพบคลื่นเสียงแปลกประหลาด ที่มีความถี่สูงถึง 52 hz หลังจากนั้นมันก็หายไป
ด้วยความสงสัยว่ามันคือเสียงของอะไรกันแน่ พวกเขาก็เลยเฝ้าติดตามหามันต่อไป จนได้ตรวจจับได้อีกครั้งเมื่อปี 1990 และ 1991 พอมาถึงในปี 1992 หลังจากสงครามเย็นจบลง เรือดำน้ำของสหรัฐก็ได้ตรวจพบคลื่นเสียงนี้เช่นเดียวกัน และที่มาของเสียงนี้ปรากฎว่าเป็นเสียงของวาฬบาลีนชนิดหนึ่ง (วาฬที่มีลักษณะฟันแบบกรอง) ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก WHOI และหน่วยเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ก็ได้ร่วมมือกันศึกษาเกี่ยวกับเจ้าวาฬตัวนี้
จากการติดตามศึกษามาก็พบว่าเจ้าวาฬตัวนี้ไม่มีแม้แต่เพื่อนร่วมฝูง ไม่มีคู่รัก มันไม่มีใครเลย ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่า วาฬทั้งหลายน้นจะใช้การสื่อสารกันผ่านทางคลื่นเสียง และระดับคลื่นเสียงที่วาฬบาลีนปกติธรรมดานั้นใช้สื่อสารกันจะมีความถี่อยู่ที่ประมาณ 12-25hz
และด้วยความถี่เสียงของเจ้าวาฬตัวนี้ที่มีความสูงถึง 52hz ซึ่งมันอยู่ในระดับที่วาฬตัวอื่นๆ ไม่สามารถรับรู้ได้ จึงทำให้มันไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับวาฬตัวอื่นได้เลย หรือก็คือไม่มีวาฬตัวไหนรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของมัน
นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามันคือวาฬชนิดไหนกันแน่ แต่เป็นได้ว่าอาจจะเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง วาฬสีน้ำเงินและวาฬฟิน จนทำให้มันกลายมาเป็นพันธุ์ผสมที่มีลักษณะไม่เหมือนกับใคร
ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเจ้าวาฬตัวนี้ แต่มันก็สามารถมีชีวิตรอดมากว่า 20 ปี ด้วยตัวมันเพียงลำพัง นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ความเหงาไม่เคยฆ่าใคร
นี้เป็นหนึ่งเรื่องราวที่ Suntur อธิบายภาพวาดหนึ่งภาพ ในExhibition ล่าสุดของเขาในFacebook
ชุดผลงานในครั้งนี้ ได้แรงบันดาลมาจากความรู้สึกนึกคิด ณ ช่วงเวลาที่ย้ายไปอยู่นิวยอร์ก หลังตัดสิน ใจลาออกจากสายงานครีเอทีฟโฆษณาในไทย แล้วบินลัดฟ้าข้ามทวีปไปลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองดูสักครั้ง การมา อยู่เมืองนอกคนเดียว ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำให้ซันเต๋อมีห้วงเวลาที่จมดิ่ง เหงา เฟล คิดมาก และบางครั้งยัง รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้เท่ากับตอนอยู่ที่ไทย ทั้งยังรู้สึกว่ายังไม่เก่งพอจึงเริ่มมองหา กิจกรรมที่ทำให้รู้สึกมีคุณค่าขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความเป็นศิลปิน ซันเต๋อเลือกใช้เวลาไปกับการวาดภาพสีอะคริลิกบนกระดาษและผ้าใบ ซึ่งนับเป็นเทคนิคการวาดที่ต่างไปจากผลงานก่อนๆ แต่นั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขา ได้มีโอกาสดึงเอาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจระบายออกมาเป็นภาพ
ครั้งหนึ่งซันเต๋อวาดภาพเสร็จแล้วได้มีโอกาสนั่งมองผลงานของตัวเองอยู่นาน เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เวลา พูดคุยกับผลงานของตัวเองจริงๆ ทำความรู้จักกับสไตล์งาน และคิดขึ้นมาว่าถ้างานเป็นคน ก็คงเป็นคนที่ ‘นิ่ง เงียบ เรียบร้อย พูดน้อยแถมยังขี้เหงาอีกบางที’ คาร์แรกเตอร์ที่ถูกดึงออกมาจากการคิดวิเคราะห์ตัวงานในวันนั้น ถูกหยิบนำมาใช้เป็นคอนเซ็ปให้กับงานแสดงในครั้งนี้ ซึ่งคือการเล่าเรื่องผ่านความเงียบในแบบฉบับของ ซันเต๋อในหลายๆ มุมมอง กลิ่นอายของนิวยอร์กผสมปนเปไปกับความคิดถึงเมืองไทย ความเงียบที่เกิดขึ้น ท่ามกลางเมืองที่ไม่เคยหลับไหล เกิดเป็นเสน่ห์ที่หาดูทั่วไปที่ไหนไม่ได้ และต้องมาดูด้วยตาตัวเองเท่านั้นจึงจะได้ รับความรู้สึกที่ศิลปินตั้งใจจะถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่
งานทั้งหมด 30 กว่าชิ้นที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ล้วนถูกวาดขึ้นที่นิวยอร์ก จึงถือได้ว่างานชุดนี้เป็น ตัวแทนประสบการณ์และสิ่งที่ได้ตกตะกอนในระหว่างไปลองใช้ชีวิตเองที่ต่างประเทศของซันเต๋อ ถูกกรั่นกรอง ออกมาในรูปแบบของงานศิลปะที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้จะมีงานหนึ่งชิ้นที่ซันเต๋อจะเปิดให้ทุกคนร่วมประมูล ซึ่ง รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบให้กับมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์
Credit | https://www.zipeventapp.com/blog/2018/02/27/zero-decibel-by-suntur/