เรื่องราวเริ่มต้นจาก “นิวยอร์ก” มหานครที่สวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยมุมมืด คุณก้องได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่นั้นคนเดียว เหงาคิดถึงบ้าน ถึงเเม้นิวยอร์คจะเป็นเมืองที่เจริญเเล้วก็ตาม เเต่การเหยียดเชื้อชาติ เหยียดสีผิวที่เเตกต่าง ทำให้คุณก้องอยู่ในภาวะเครียด บวกกับการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปเป็นArtistอย่างเต็มตัว จนกระทั่งกลายเป็นโรคนอนไม่หลับในภาวะที่ไร้ทางออกเเละสิ้นหวังทางออกสุดท้ายของ คุณก้องคือการทำงานศิลปะ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดผลงานเหล่านี้ขึ้นมา
Teleport ในความหมายของเขาคือ “การวาร์ป” คือการที่เราไปในที่ๆที่เราอยากไปตามใจหมาย แต่งานนี้ไม่ได้แสดงถึงการวาร์ปผ่านประตูมิติที่เรียกว่า “หลุมดำ” จากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่งเท่านั้น เขาได้สร้างประตูสีดำขึ้นมา เป็นตัวแทนของทางออก ที่เขาจะได้พบโลกในอุดมคติอีกครั้ง พาเขาไปทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ไปสู่โลกที่เขาอยากเห็น และบิดเบี้ยวความจริงที่โหดร้ายให้กลายเป็นฝันที่สวยงาม



“หลุมดำ” ของเขา จึงกลายสภาพเป็นรูปทรงวงรีในภาพต่างๆ ทั้งภาพท้องฟ้า ที่ปลดปล่อยจินตนาการความอิสระของมนุษย์ให้พร้อมออกทะยานดุจนกพิราบขาว การวาร์ปที่เชื่อมต่อความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสภาวะถึงเครียดของสังคมเมืองสู่การรับความชุ่มชื้นจากธรรมชาติ ความสดใสและเบิกบานดุจกิ่งไม้เล็กๆ ที่เลื้อยแผ่แนวเส้นใยสีเขียวกอดเหนี่ยวซึ่งกันและกัน พร้อมกับดอกไม้เล็กๆ ที่ค่อยๆ ผลิดอกออกใบอย่างงดงาม จนถึงความเชื่อมต่อระหว่างกลางวันและกลางคืนที่มีตัวแสดงคือใบหน้าของชายและหญิง สื่อถึงการเชื่อมโยงความรักกับความสมดุลของจักรวาล
ขอพูดถึงตัว Warehouse 30 สักนิดหนึ่ง
นับได้ว่าเป็นการเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับย่านเจริญกรุงอย่างแท้จริงสำหรับ Warehouse 30 ครีเอทีฟ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 อีกหนึ่งโปรเจ็กต์สุดสร้างสรรค์ของ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดังของไทยที่เคยฝากผลงานไว้กับโครงการ The Jam Factory มาแล้ว โดยครั้งนี้เขาและ คุณรังสิมา กสิกรานันท์ อดีตบรรณาธิการ Elle Decor ได้ร่วมกันการแปลงโฉมโกดังเก่าให้กลายมาเป็นแหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิป ที่รวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ช็อปสินค้าหลากหลายประเภท ไปจนถึงโรงฉายหนัง และเป็นพื้นที่ Co-Working Space ให้ทุกคนได้มาเดินช้อป ชิม ชิลล์ หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในวันธรรมดาและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ก่อนอิงจะกลับ เห็นโกดังที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เลยลองเดินเข้าไปดู กลายเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่สวยมากกกกกก และเจอเพื่อนสมัยมาแตร์ “บิว” ทำงานอยู่ที่นั้นพอดี ชื่อแบรนด์ P. Tendercool บิวเลยเล่าให้อิงฟังของที่มาของแบรนด์ สองสามี-ภรรยาคนเบลเยียมเจ้าของแบรนด์ จากพื้นฐานครอบครัวเป็นนักสะสมAntiqueทั่วโลก จึงได้เจอกับไม้เก่า และเอามาเก็บสะสมไว้ที่ Warehouse 30 ถ้าไปเที่ยวแล้วจะเห็นห้องหนึ่ง เป็นห้องเก็บไม้แผ่นยักษ์ นั้นและค่ะโกดังเขา เขามาอยู่เมืองไทยมากกว่า 10 ปีแล้ว ในทีมมีทั้งช่างไทยและมีช่างอลูมิเนียมฝีมือระดับโลกอยู่ในทีมด้วย
หลังจากชมศิลปะ กิน เดินเล่นแล้ว ขอปิดท้ายด้วย ภาพติ๊บ นุ่น ฝ่าย Production และ Creative ของ Haus of Jewelry Adores นั่งอาบแดดเก๋ๆ ด้านหน้า Warehouse 30 นะคะ
Credit